เพลง

อยากหั้ยนายรู้ว่าเรารักนายเสมอมา

คนมาเบิ่ง

วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

บทความดูแลดวงตาให้สดใส

ดูแลดวงตาให้สดใส

ท่าที่ 1 ครอบดวงตา
โค้งอุ้งมือทั้งสองครอบดวงตาไว้เฉย ๆ ระวังอย่าให้อุ้งมือกดทับดวงตา

นึกถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เช่น วันพักผ่อนสุดสัปดาห์ตามป่าเขาหรือชายทะเล อยู่ในท่านี้สัก 10 นาที

ท่าที่ 2 สร้างจินตภาพ

ต่อจากท่าที่ 1 ยังคงครอบดวงตาอยู่ สร้างจินตภาพว่าตนเองกำลังมองวัตถุบางอย่างที่มีสีสันสดใส

มีรายละเอียดต่างๆ ที่ชัดเจน เช่น มองเห็นดอกเบญจมาศสีเหลืองสวย เห็นกลีบดอกแต่ละกลีบละเอียดชัดเจน สายตาที่คมชัดจากจินตนาการของเราเองจะช่วยเยียวยาสายตาจริงๆ ของเราได้เป็นอย่างดี

ท่าที่ 3 กวาดสายตา

มองแบบไม่ต้องจ้อง (คนสายตาสั้นมักจ้องและเขม้นตา) กวาดสายตาไปตามวัตถุที่อยู่ไกล ๆ ทางโน้นบ้างทางนี้บ้าง ทำให้ตาของเราได้ผ่อนคลาย

ท่าที่ 4 กะพริบตา

ฝึกนิสัยให้กะพริบตา 1-2 ครั้ง ทุก ๆ 10 วินาที ช่วยให้แก้วตาสะอาดและมีน้ำหล่อเลี้ยง

โดยเฉพาะคนที่สวมแว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์ยิ่งจำเป็น

ท่าที่ 5 โฟกัสภาพใกล้และไกล

เหยียดแขนซ้ายไปให้ไกลที่สุด ตั้งนิ้วชี้มือซ้ายขึ้นเพื่อเป็นจุดโฟกัส ขณะเดียวกัน

ตั้งนิ้วชี้มือขวาให้ห่างจากใบหน้าสัก 3 นิ้ว (7.5 ซม.) โฟกัสภาพที่แต่ละนิ้วสลับกันไปมา ทำบ่อยๆ

เมื่อโอกาสอำนวย

ท่าที่ 6 ชโลมดวงตา

ตื่นนอนทุกเช้าใช้มือวักน้ำชโลมดวงตาด้วยน้ำอุ่น สัก 20 ครั้ง สลับกับการวักน้ำเย็นชโลมดวงตาอีก 20 ครั้ง ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาดีขึ้น การจบด้วยน้ำเย็น ทำให้กล้ามเนื้อตาและหนังตากระชับไม่หย่อนยาน ก่อนเข้านอนให้วักน้ำชโลมดวงตาอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ชโลมด้วยน้ำเย็นก่อนแล้วตามด้วยน้ำอุ่น จะทำให้กล้ามเนื้อตาและหนังตาได้ผ่อนคลาย ก่อนเข้านอน

ท่าที่ 7 แกว่งตัว

ยืนแยกเท้าเท่ากับช่วงไหล่ แกว่งตัวไปมาจากซ้ายไปขวา ถ่ายน้ำหนักตัวบนขาแต่ละข้างสลับไปมา สายตามองไปไกลๆ แต่ไม่ต้องจ้อง ปล่อยให้จุดที่เรามองแกว่งไปมาซ้ายขวาตามการแกว่งตัว ท่านี้จะทำให้ดวงตาได้พักและมีการปรับตัวดีขึ้น ทำบ่อย ๆ เมื่อมีโอกาส เปิดเพลงคลอไปด้วยก็ได้

"วิธีของเบตส์" ได้รับการยืนยันจากจักษุแพทย์จำนวนมากว่าเป็นการฝึกดวงตา ที่เป็นระบบช่วยรักษาสายตาคนไข้ได้เป็นจำนวนมาก

บทความเลิกดืมน้ำเย็น

เลิกดื่มน้ำเย็นกันดีกว่า

บางครั้งเวลาที่คุณเหน็ดเหนื่อย เสียเหงื่อมาก หรือกระหายน้ำเหลือเกิน
คุณอาจเคยตรงไปที่ตู้เย็น เปิดขวดน้ำเย็นเฉียบแล้วกรอกเข้าปากอย่างสะใจ

รู้ไหมว่าทำผิด?????????????????
การดื่มน้ำอย่างเพียงพอวันละ 8-10 แก้ว/ วัน เป็นประโชน์ต่อสุขภาพ
น้ำจะช่วยหล่อลื่นให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ระบบขับถ่ายดีขึ้น
ผิวพรรณสดใส แต่สิ่งสำคัญคือ ต้องดื่มน้ำสะอาด บริสุทธิ์ ในอุณหภูมิเดียวกัน
อุณหภูมิห้อง เพราะเหตุว่าเมื่อเราดื่มน้ำที่แช่เย็นเกินไปเข้าสู่ร่างกาย
เส้นเลือดที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารจะหดตัวเพราะความเย็น กว่าเซลล์จะรับรู้
และขยายตัวเกิดการดูดซึมต้องใช้เวลาพอสมควรทีเดียวในการปรับอุณหภูมิให้เท่ากับ
ร่างกาย จึงมักเกิดอาการจุกหน้าอกเมื่อกระหายน้ำจัดๆ แล้วดื่มน้ำเย็น
เพราะร่ายกายต้องเกร็งหดตัวแล้วค่อยคลายตัว ขณะที่น้ำรรมดา อุณหภูมิห้อง
(ประมาณ 35 องศาเซลเซียส) ร่างกายสามารถดูดซึมเข้าสู่ระบบไหลเวียน
เลือดได้เลย โดยคุณไม่ต้องพี่งน้ำแร่ด้วยซ้ำ เพราะในอาหารการกินที่เรารับประทานเข้าไปมีแร่ธาตุและวิตามินอยู่แล้ว น้ำธรรมดาจึงดีที่สุดค่ะ

บทความอีสุอีใส

อีสุกอีใส

โรคยอดฮิตที่กำลังระบาดตอนนี้ อีสุกอีใส ...
ไม่รู้ว่าหลายคนเคยเป็นกันหรือยัง...โรค อีสุกอีใส พบได้บ่อยมากในเด็ก แต่พบได้น้อยมากในผู้ใหญ่ ผู้ใหญ่ที่เป็นโรคนี้มักเป็นคนที่ไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน และมักมีอาการและภาวะแทรกซ้อนมากกว่าที่พบในเด็ก ส่วนมากระบาดช่วงปลายหน้าหนาวถึงต้นฤดูร้อน
สาเหตุ...
เกิดจากเชื่อไวรัส ชื่อ Varicella virus และเป็นเชื้อตัวเดียวกับตัวที่ทำให้เกิดงูสวัด ติดต่อโดยการไอ จาม หายใจรดกัน หรือโดยการสัมผัส ใช้ของใช้ร่วมกันกับคนที่เป็นอีสุกอีใสหรืองูสวัด ระยะฟักตัว10-12 วัน
อาการ....
เด็กจะมีไข้ต่ำๆอ่อนเพลียเบื่ออาหาร ในผู้ใหญ่มักมีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัวคล้ายอาการไข้หวัดใหญ่นำมาก่อน จากนั้นจะมีผื่นขึ้นพร้อมๆกับวันที่มีไข้ หรืออาจหลังจากมีไข้ 1 วัน เริ่มแรกจะเป็นแดงราบก่อนต่อมาจะเป็นผื่นนูน มีน้ำใสๆอยู่ข้างใน ต่อมาจะกลายเป็นหนอง หลังจากนั้น 2-4 วันจะตกสะเก็ด เนื่องจากผื่นตุ่มของโรคนี้ จะค่อยๆออกทีระลอก ไม่ขึ้นพร้อมกันทั่วร่างกาย ดังนั้นจะพบว่า บางที่ขึ้นเป็นผื่นแดงราบ บางที่ขึ้นเป็นตุ่มใส บางที่ขึ้นเป็นตุ่มกลัดหนอง บางที่เริ่มตกสะเก็ด ชาวบ้านจึงเรียกว่าอีสุกอีใส (มีทั้งตุ่มสุกตุ่มใส)
อาการแทรกซ้อน...
พบได้น้อยในเด็ก ถ้าผู้ใหญ่อาจมีภาวะแทรกซ้อนได้บ่อยและรุนแรงขึ้น ที่พบได้บ่อยคือ ตุ่มกลายเป็นหนองจากเชื่อแบคทีเรียทำให้กลายเป็นแผลเป็นได้ บางคนอาจกลายเป็นปอดอักเสบ ที่ร้ายแรงคือสมองอักเสบแต่พบได้น้อยมาก
ข้อแนะนำ
1. โรคนี้ส่วนมากหายได้เอง มีไข้เพียงไม่กี่วัน ส่วนตุ่มจะตกสะเก็ดและหลุดหายไปภายใน1-3 สัปดาห์ ผู้ใหญ่อาจเป็นนานกว่าเด็ก
2. โรคนี้เมื่อเป็นแล้วมักมีภูมิต้านทานไปตลอดชีวิตมักไม่เป็นซ้ำอีก แต่อาจมีโอกาสเป็นงูสวัดในภายหลัง
3. ควรแยกของใช้ในระยะที่แพร่เชื้อติดต่อผู้อื่นคือตั้งแต่ 24 ชม.ก่อนมีผื่นตุ่มขึ้นจนระยะ 6 วันหลังผื่นตุ่มขึ้น

บทความโรคอ้วน

อ้วน

สาเหตุของการอ้วน

1. กรรมพันธุ์ ถ้าพ่อและแม่เป็นคนอ้วน ลูกก็มีโอกาสอ้วนได้มาก

2. ทานอาหาร มากเกินต้องการของร่างกาย อาหารที่เกินนี้จะกลายเป็นไขมันสะสม ทำให้น้ำหนักร่างกายเพิ่มขึ้น

3. กิจกรรมน้อย เมื่ออายุมากขึ้น การใช้แรงงานของร่างกายลดลง ทำให้มีพลังงานเหลือเก็บ สะสมเป็นไขมัน

5. ยา บางอย่าง เมื่อกินเข้าไปแล้ว ทำให้อยากอาหารมากขึ้น, รับประทานอาหารมากขึ้น

6. ภาวะจิตใจ ผิดปกติ

คุณเข้าข่ายของสาเหตุพวกนี้หรือไม่ ถ้าใช่ทำอย่างไรดี???

วิธีลดความอ้วน

1. การควบคุมอาหาร

2. ออกกำลังกาย

3. การใช้ยาลดน้ำหนัก

4. การใช้อาหารลดน้ำหนัก

5. การผ่าตัด

6. การฝังเข็ม

7. การกดจุด

คนอ้วนมักจะทานอาหารที่มีแคลอรี่ เกินความต้องการของภายในแต่ละวัน จึงทำให้มีพลังงานเหลือใช้ ซึ่งจะถูกนำไปเก็บไนรูปไขมัน

การออกกำลังกาย แต่อย่างเดียวโดยไม่ควบคุมอาหารเลยทำให้การลดความอ้วนเป็นไปได้ยาก แม้เราจะพยายามออกกำลัง มาก ๆ ทุกวัน ซึ่งจะช่วยเผาผลาญ พลังงานได้ส่วนหนึ่ง แต่เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณอาหารที่เรารับประทานแล้ว เรารับพลังงานจากอาหารเข้าไปมากกว่า พลังงานที่เผาผลาญไปจากการออกกำลังกาย

ทำไมเราจึงต้องลดความอ้วน

เพราะความอ้วน ทำให้เกิดโรคได้มากกว่า คนปกติ ได้แก่

1. โรคเบาหวาน

2. ความดันโลหิตสูง

3. ไขมันในเลือดสูง

4. นิ่วในถงน้ำดี

5. โรคปอด

6. ข้อเสื่อม

7. โรคหัวใจ

8. มีความต้านทานต่อโรคต่ำ

9. มะเร็ง

ความอ้วนยังทำให้เกิดปมด้อยอีกด้วย

ข้อแนะนำเกี่ยวกับการดวบคุมอาหาร

1. ทานอาหารมื้อเย็นให้น้อยที่สุด เพราะอาหารมื้อเย็น ร่างกายไม่ค่อยได้นำไปใช้มักจะเก็บสะสม ในรูปไขมัน

2. ค่อย ๆ ลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อ

3. งดอาหารจุกจิกระหว่างมื้อ

4. ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ ลดการดื่มน้ำอัดลม น้ำหวาน เบียร์ สุรา

5. ไม่ทานอาหารทอด ทานอาหารที่ปรุงโดยการ ต้ม นึ่ง อบเผา ปิ้ง

6. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมัน หรือโคเรสเตอรอลสูง เช่น เนย ไข่แดง ปลาหมึก เค็ก คุ๊กกี้ เครื่องใน หมูสามชั้น ขาหมู หนังไก่ ข้าวมันไก่

7. ควรกินอาหารที่มีโปรตีนสูง เช่นเนื้อสัตว์ แต่ควรเป็นเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่นเนื้อปลา

8. รับประทานผักให้มาก เพราะให้พลังงานแคลอรี่น้อย แต่ช่วยเพิ่มกากใยอาหารช่วยในการขับถ่าย ให้เกลือแร่และวิตามินด้วย

9. ลดอาหารพวกแป้ง น้ำตาล ไขมัน

10. เปลี่ยนพฤติกรรมการกิน โดยกินเมื่อหิวเท่านั้น ไม่กินพร่ำเพรื่อ กินอาหารช้า ๆ เคี้ยวช้า ๆ เคี้ยวให้ละเอียด

11. พยายามมุ่งมั่นในการลดน้ำหนัก เตือนสติตัวเองอยู่เสมอ พยายามชั่งน้ำหนักตัวเองบ่อย ๆ ทุกวัน ทำตารางการออกกำลังกาย ตารางการทานอาหารในแต่ละมื้อ

บทความเท้ามีกลิ่นอับ

เท้ามีกลิ่นอับจะกำจัดอย่างไร ?


หลายคนคงจะมีปัญหา กลิ่นอับ อันไม่พึงประสงค์ จากเท้าคุณ ตอนนี้ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว เรามีสูตรดี ๆ จะมาบอกต่อขั้นตอนนั้นก็ไม่มีอะไรมากมาย
เพียงคุณ หั่นผลส้ม (ซึ่งตอนนี้ถูกสุด ๆ ) เป็นแผ่นบาง ๆ ตามยาว ( ในกรณีนี้อาจจะเพิ่มมะนาว หรือ ลูกองุ่น หั่นบางเช่นกัน เพื่อสื่อสัมผัสที่ดียิ่งขึ้น )
จากนั้น เติมน้ำอุ่น ลงในอ่างที่มีขนาดพอเหมาะ แล้วนำผลไม้ทั้งหมดที่เตรียมไว้เทใส่ลงไปพร้อมกัน แช่เท้าของคุณไว้ประมาณ 20 นาที
และเพื่อเพิ่มความอ่อนนุ่มของจุดที่หยาบกร้าน ให้ถูเท้าของคุณด้วยผลไม้นั้น
สุดท้าย เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวเท้า ด้วยการชำระล้างด้วยน้ำเย็น
เพียงเท่านี้คุณก็ไม่ต้องกังวลกับกลิ่นอับ และเท้าคุณก็จะสัมผัสนุ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

บทความสุขภาพนอนกรน

การนอนกรน

เมื่อร่างกายหลับ การหายใจของคนเราจะมีความสม่ำเสมอ เพราะกล้ามเนื้อทุกส่วนจะผ่อนคลาย รวมทั้งกล้ามเนื้อหายใจ เมื่อเกิดความผิดปกติของระบบการหายใจนี้จะทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า การนอนกรน ประเภทการนอนกรน

1.ประเภทไม่เป็นอันตราย คือการนอนกรนธรรมดาที่ทำให้เกิดเสียงรบกวน จะไม่เกิดผลเสียต่อสุขภาพ แต่ก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้อยู่ใกล้ กลุ่มนี้มักมีการอุดกั้นทางเดินหายใจเพียงเล็กน้อย

2.ประเภทที่อันตราย คือการนอนกรนที่มีเสียงไม่สม่ำเสมอกันขณะที่หลับสนิท จะมีเสียงกรนดังสลับกับเบาเป็นช่วงๆ และจะมีช่วงหยุดกรนไประยะหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงที่หยุดหายใจ

การป้องกันและการรักษาการนอนกรนของผู้ป่วย

1. ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินเกณฑ์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ

2. หลีกเลี่ยงการนอนหงาย ให้นอนในท่าตะแคงข้าง และให้ศีรษะสูงเล็กน้อย

3. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หรือยานนอนหลับและยากล่อมประสาทก่อนนอน

4. กรณีที่เป็นการนอนกรนชนิดอันตรายที่มีการหยุดหายใจร่วมด้วย ให้รักษาโดย

• ใช้เครื่องช่วยหายใจ CPAP ครอบจมูกขณะหลับ เพื่อให้หายใจสะดวกขึ้น วิธีนี้ปลอดภัย และได้ผลดีในผู้ป่วยเกือบทุกราย

• Radiofrequency จี้กระตุ้นให้เพดานอ่อนหดตัวลง โคนลิ้นหดตัวลง

• การผ่าตัด เอาส่วนที่ยืดยานออก

อันตรายจากการนอนกรน

1. ร่างกายอ่อนเพลีย คล้ายนอนไม่พอ ทำให้เกิดผลเสียต่อการเรียนการทำงาน และอาจเกิดอุบัติเหตุ

2. ไม่มีสมาธิในการทำงาน ความสามรถในการจำลดลง หงุดหงิดอารมณ์เสียง่าย

3. มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดในสมองโรคหัวใจขาดเลือด (อาจทำให้เสียชีวิตทันที เพราะหัวใจทำงานผิดปกติขณะเกิดการหยุดหายใจในช่วงหลับ หรือที่เรียกว่าไหลตาย

4. ขาดสมรรถภาพทางเพศ

บทความคิดถึงพ่อแม่

บทความคิดถึงพ่อ....ผู้ไม่เคยหยุดพัก
บทความคิดถึงพ่อ..... ...

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น......เป็นเบอร์ที่รู้จักดีและไม่เคยคิดจะลบมันออกไปจากซิมมือถือ

เพราะหากครั้งใดที่หมายเลขนี้โทรมา......จะตัดสายทันที

และทำให้หวนคิดไปเมื่อหลายสิบปีก่อนที่บางอย่างจะเปลี่ยนแปลงไป....

อย่างไม่มีวันจะกลับไปเปลี่ยนแปลงได้อีก........ความเสียใจและความน้อยใจที่เคยมี

มันหายไปจนกลายเป้นความนิ่งเฉยไปแล้ว......ความรักที่คงเดิม......ความห่วงใยที่มี

ความเคารพรักและคิดถึงยังมีที่จุดเดิม......ที่ยังคงดำเนินต่อไปและตลอดไป





หากต่างที่การปฏิบัติที่เคยทำอยู่เป็นปกติ.....ที่บรรดาเพื่อนฝูงและแม้แต่..ผู้หลักผู้ใหญ่

ที่ท่านให้ความเมตตาเห็นการกระทำที่คุ้นตา....ความดีที่มีต่อคนๆหนึ่ง

ที่ปีนี้ต้องเปลี่ยนจากการแสดงทางวาจา.....ทางกายสัมผัส.....คงไม่มีเกิดขึ้นอีก

และคำมั่นสัญญาในหัวใจที่มีต่อบุคคลท่านนี้.......จะยังมีตลอดไป

แม้ความดีที่มีไม่เท่าหนึ่งวินาทีที่ท่านห่วงใยได้มอบให้.........อย่างน้อยมันเป็นสิ่งที่

ควรกระทำตอบแทนแม้จะน้อยนิดก็ตาม.........ณ.เมื่อวันนั้นมาถึงหรือไม่ก็ตาม

สิ่งที่ท่านหวังและจะได้รับและท่านคงสุขใจที่สุดคือ.....การที่ได้ทำหน้าที่ภรรยาที่ดี

แม่ที่รักลูก.....เป็นคนที่สอนหลานของท่านให้เป็นคนที่รู้ค่าของการเกิดมาเป็นคน




คนที่มีหัวใจแห่งความเป็นคนเต็มร้อย.......หากเริ่มจากคนหนึ่งคน

จะเพิ่มอีกหลายๆคนจากร้อยเป็นพัน......จากพันเป็นหมื่น...แสน....ล้าน

การที่คนหลายคนเป็นคนดีได้จริง.........การร้องขอที่จะทำดีเพื่อท่านคงไม่เกิดขึ้น

และคงไม่ต้องรอให้ท่านต้องเข้าสู่วัยชราหรือต้องเจ็บป่วย...........

แต่นั้นคือสิ่งที่เก็บภายใต้หัวใจที่สุขและพอเพียงต่อสิ่งที่ท่านเคยขอ

ก่อนที่เสียงโทรศัพท์เครื่องนี้ดังขึ้นและทุกปิดเสียงให้หยุดดังลง...





.....ด้วยมือของเจ้าของโทรศัพท์.....ที่ให้ถ้อยคำอำลาสุดท้าย......เมื่อไม่นานมานี้

(เมื่อสิ่งที่ท่านเลือกคือการดำเนินชีวิต.......กับครอบครัวที่ท่านทอดทิ้งไม่ได้

และผู้หญิงคนหนึ่งและคนที่อยู่ระหว่างกลางของสองท่าน.....เคยอยู่ในฐานะที่เลือกไม่ได้

และการเลือกของท่านคือ......ปล่อยให้ผู้หญิงท่านหนึ่งที่ข้าพเจ้าเรียกว่า.....แม่

ได้ต่างไปต่างไปมีชีวิตในแบบที่ท่านเลือก)

….

….

….


ทุกครั้งที่มองพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว.....พ่อของประเทศ

ผู้ที่เสียสละพระองค์เพื่อคนอีกหลายล้านคน......พระองค์ทรงประชวร

และทุกครั้งที่นั่งรถผ่านทุกครั้งที่คลิกเข้าไปเจอเรื่องราวที่หลายคนในอินเตอร์เน็ตเขียน

และหลายๆคนในทีวี......การทำดีเพื่อพ่อ.......

และพ่อต้องการสิ่งใดกัน......



(รู้สึกละอายใจเหลือเกิน.......เมื่อผู้โพสย้อนคิดไปถึงพ่อของตนเอง

ท่านคงน้ำตาไหลและเศร้าใจ......เมื่อโทรศัพท์ถูกตัดสายไป

ความดื้อรั้นทางความคิด......หรือความรักที่มีให้ท่าน

ด้วยการเสียสละ....ด้วยการเดินจากครอบครัวของท่านและไม่เคยหวนกลับไป

เป็นความคิดที่ถูกหรือผิด......เราไม่เคยถามเลยว่า.......สิ่งที่ท่านต้องการจากเรา

คือการให้อยู่หรือไป ....... )

เมื่อทบทวนและมองมุมกลับ


พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกาย

เมื่อวัยเด็กที่ผู้โพสจำความได้ยังไม่เคยเห็นพระองค์ไม่เคยหยุดทรงงาน

แม้ว่าพระองค์ถึงวัยที่ทรงหยุดทรงงานและพระองค์จะได้มีความสำราญส่วนพระองค์บ้าง

แต่....ณ.เมื่อก่อนที่พ่อยังทรงมีพระวรกายที่แข็งแรงมีพลานามัย

พวกเราทั้งหลายไม่ได้ทำดีให้พระองค์ท่านหรอกหรือ.....

ณ.วันนี้.....การทำดีเพื่อพ่อ.....จะเป็นเพียงกระแสนิยมที่ต่างคนต่างนำมาเพื่อ

เป็นกระแสแห่งการค้า......จนลืมว่า.....

สิ่งใดที่พ่อของชาติทรงต้องการที่แท้จริง.....



......................................................................................................................

บทความนี้ไม่ใช่การทำดีเพื่อพ่อ.....แต่เป็นบทความแห่งการเตือนสติของผู้โพส

ในฐานะลูกคนหนึ่งของพ่อ(ที่ขาดการเข้าใจพ่อ....หรือแม้การเข้าใจอาจไม่ทั้งหมด)

พ่อของชาติผู้ทรงสูงสุด ..... เป็นพ่อที่สูงสุดแห่งพ่อทั้งหลาย...

ที่ควรปฏิบัติ..ตามรอยพระบาท

เพื่อปลูกฝั่งจิตวิญญาณ.....ของลูกที่ดี......ที่มีสติ....ที่รักชาติ